ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

มะนาวนอกฤดู

มะนาวถือว่าเป็นที่มีความสำคัญและเป็นที่นิยมของคนไทยในอันดับต้นๆ เป็นที่ต้องการของตลาดเป็นจำนวนมากเนื่องจากคนไทยนิยมบริโภคมะนาวมายาวนาน เป็นพืชคู่กับครัวของคนไทยมาตั้งแต่โบราณ นับวันมีแต่จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น การประกอบอาหารของคนไทยส่วนมากล้วนแล้วต้องมะนาวเป็นส่วนประกอบและนอกจากนั้นกระแสความนิยมเกี่ยวเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ น้ำมะนาวก็อยู่ในกระแสในอันดับต้นๆ เช่นกัน จึงทำให้มีเกษตรกรจำนวนมากปลูกมะนาวเพื่อการค้า จนทำให้มีบางช่วงเวลาทำให้เกิดภาวะการล้นตลาดทำให้ราคาของมะนาวถูกมาก ซื่งได้สร้างความเดือดร้อนให้ชาวสวนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเกษตรกรผู้ปลูกมะนาวจึงพากันหันมาสนใจการปลูกมะนาวนอกฤดู เพื่อให้สามารถทำให้มะนาวให้ผลผลิตในช่วงที่มีราคาแพง ซึ่งบางที่จะแพงมากถึงลูกละ ๘-๑๐ บาท ก็ยังมี คือในช่วงฤดูแล้ง (มีนา-พค.)
ทำอย่างไรมะนาวจึงจะออกดอก?... เรื่องนี้คงเป็นสำคัญของผู้ที่สนใจจะปลูกมะนาวหรือผู้ที่ปลูกแล้วแต่ มะนาวไม่เคยมีลูก นับประสาอะไรจะมาทำให้มะนาวออกนอกฤดู เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงนะครับ..เพราะธรรมชาติของมะนาวออกดอกง่ายอยู่แล้ว ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของเขาแล้ว เรื่องการมีดอกก็จะเป็นเรื่องง่ายๆ เรามาทำความรู้จักธรรมชาติของมะนาวก่อนเพื่อเป็นการปูพื้นฐานก่อนที่จะไปทำความเข้าใจในเรื่องการทำให้มะนาวออกดอกนอกฤดู ว่าเป็นข้อๆไปนะครับ
1.ต้องโดนแดด
ต้องปลูกในที่โล่งนะครับ..ในร่มเขาไม่ค่อยออกดอกและในการแต่งทรงพุ่มก็ต้องให้โปร่งให้แดดส่องถึงทั่วทั้งต้น
2. มะนาวจะออกดอกที่กิ่งปลาย
ปลายกิ่งเป็นส่วนสำคัญที่ดอกมักจะออกในส่วนนี้ การแต่งกิ่งเพื่อให้มียอดมากก็มีโอกาสได้ดอกมาก
3. กิ่งที่จะออกดอกจะต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 90 วัน
ธรรมชาติของมะนาวในเรื่องนี้ ถือว่าเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งในการปลูกมะนาว ในการวางแผนดำเนินการในเรื่องต่างๆ จะต้องนำเรื่องนี้ไปเป็นหลักในการวางแผนด้วย ไม่ว่าจะเป็นการบังคับให้ออกดอกนอกฤดู วางแผนการแต่งกิ่ง ฯลฯ
4. มะนาวจะออกดอกได้ดีเมื่อกระทบแล้ง
ดังนั้นถ้าหากเราต้องการให้เขาออกดอกเราก็ควรจะงดน้ำประมาณ 10-15 วัน แล้วแต่ภาวะการแห้งของดินในกระถาง โดยดูจากการร่วงของใบประมาณ 50% ขึ้นไป เราถึงเริ่มรดน้ำ และใส่ปุ๋ยเร่งดอก(เป็นสิ่งเดียวที่ผมใช้สารเคมี)
5. ปุ๋ยคอก หรือ ไนโตรเจน คือสิ่งต้องห้าม

ถ้าเราต้องการให้มะนาวมีดอก  ปุ๋ยคอก หรือ ไนโตรเจน คือสิ่งต้องห้าม นะครับ เพราะปุ๋ยคอก จะทำให้มะนาวงาม แทงยอดไปเรื่อยๆ บางทีเราจะเรียกว่ามันบ้าใบ ดังนั้นในช่วงที่เราต้องการให้เขาออกดอกเราจะต้องมั่นใจว่าในกระถางจะต้องมีธาตุไนโตรเจนน้อยที่สุด สำหรับของผมแล้วจะไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ เนื่องจากผมใช้ปุ๋ยคอกทั้งกระถางแทนดินตั้งแต่ต้น จากระยะตั้งแต่ปลูกจนถึงระยะที่จะออกดอก (ประมาณ8-10 เดือน) ธาตุไนโตรเจนคงจะเหลือน้อยพอดี จนเมื่อผมใส่ปุ๋ยเร่งดอกเขาจึงออกดอกแทบทุกกิ่ง ผมจึงมาใส่ปุ๋ยคอกอีกครั้งตอนผลเขาติดดีแล้ว
เมื่อเรารู้จักกับธรรมชาติของมะนาวแล้วทีนี้เราลองดูวิธีการบังคับให้มะนาวออกดอกนอกฤดูกาล ซึ่งหลักการต่างๆ ที่จะนำเสนอต่อไปนี้ล้วนแล้วแต่อาศัยธรรมชาติของมะนาวมาประยุกต์ใช้แทบทั้งสิ้น
วิธีการบังคับให้มะนาวออกดอกนอกฤดูกาล
มะนาวเป็นพืชที่ไวต่อการขาดน้ำ   ซึ่งจะเห็นได้ชัดในช่วงที่มะนาวมีใบแก่จัด   ถ้าปล่อยให้ขาดน้ำ   ใบจะร่วงหล่นเร็วมากและจะแสดงอาการคล้ายจะตาย   แต่ถ้าให้น้ำและปุ๋ยไปบ้าง   มะนาวจะแตกใบใหม่และออกดอกตามมา   และเมื่อใดที่ได้รับน้ำและปุ๋ยอย่างเพียงพอมะนาวจะแตกกิ่งใหม่ได้มาก   ใบจะเขียวสดอยู่ได้นานและไม่ค่อยมีการออกดอกติดผล   จากพฤติกรรมดังกล่าวจึงได้มีผู้คิดค้นหาวิธีการต่าง ๆ   เพื่อบังคับให้มะนาวออกดอกได้คราวละมาก ๆ  เช่น
                1.  ใช้วิธีตัดแต่งกิ่งหรือปลายกิ่งออกประมาณ  1-2  นิ้วทั้งต้นแล้วจึงมีการใส่ปุ๋ยเพื่อกระตุ้นให้เกิดการออกดอกขึ้น
                2.  ใช้วิธีการรมควันเพื่อให้ใบร่วงแล้วแตกใบใหม่พร้อมกับให้ดอกตามมาภายหลัง
                3.  ใช้ลวดเล็ก ๆ  รัดโคนกิ่งใหญ่เพื่อให้มะนาวมีการสะสมอาหารเตรียมพร้อมที่จะออกดอก
                4.  งดการให้น้ำเพื่อทำให้ใบเหี่ยว   แล้วกลับมารดน้ำและใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อกระตุ้นให้เกิดดอก
                5.  ปล่อยน้ำเข้าแปลงปลูกประมาณ  3-4   วัน   แล้วจึงระบายน้ำออก
                6.  ใช้น้ำอุ่นค่อนข้างร้อนฉีดให้ใบร่วง
                7.  ใช้ปุ๋ยยูเรีย  5  เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักละลายน้ำฉีดให้ใบไหม้และร่วง  แล้วจึงใส่ปุ๋ยเร่งเพื่อให้มีการเกิดดอก
                วิธีการตามที่ได้กล่าวมานี้  บางวิธีอาจทำให้มะนาวทรุดโทรมและตายได้หรือให้ผลผลิตแล้วตายไปเลย   และบางวิธีก็ไม่เหมาะกับการปฏิบัติรักษาต่อมะนาวที่ปลูกไว้เป็นจำนวนมาก สำหรับในการทำมะนาวนอกฤดูของบ้านสวนจันทร์ริมบึงนั้น เนื่องจากทางสวนของเรามีมะนาวปลูกไว้จำนวนมากและทางสวนของเรามิได้ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องให้ออกนอกฤดูให้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์  ดังนั้นทางสวนของเราจึงเลือกใช้วิธีที่ไม่เป็นการฝืนธรรมชาติของมะนาวมากเกินไป ดังนี้
1. มะนาวที่จะบังคับให้ออกดอกนอกฤดูนั้นจะต้องเป็นต้นที่สมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากโรค ดังนั้นทางสวนของเราจึงให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแล บำรุงรักษา มะนาวของเราเป็นพิเศษ
2. จากธรรมชาติของมะนาวตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้นที่บอกไว้ว่า มะนาวจากออกดอกที่กิ่งปลายและต้องเป็นกิ่งที่อายุไม่น้อยกว่า 90 วัน ดังนั้น ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน-ต้นกรกฎาคม จะดำเนินการตัดแต่งกิ่งเพื่อสร้างกิ่งใหม่พร้อมๆกัน ซึ่งกิ่งที่เกิดจากการแต่งกิ่งในครั้งนี้จะมีอายุครบ 90 วัน ประมาณเดือนตุลาคมซึ่งระยะเวลาที่เราต้องการให้มะนาวออกดอก ซึ่งในช่วงนี้เราต้องเอาใจใส่ดูแลให้ดีนะครับโดยเฉพาะการป้องกันแมลงในช่วงที่มะนาวแตกยอดอ่อน สำหรับการให้ปุ๋ยในช่วงนี้เราจะให้ปุ๋ยเร่งการเจริญเติบโต ทางดินเราจะใช้ปุ๋ยมูลไส้เดือนเนื่องจากพืชสามารถดึงไปใช้ได้ทันทีและต้องคำนวนให้พืชใช้หมดก่อนที่จะออกดอกมิเช่นนั้นมะนาวจะแตกยอดแทน สำหรับทางใบปุ๋ยชีวภาพสูตรเร่งการเจริญเติบโตซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของทางสวนเอง เมื่อกิ่งอายุได้ 60 วันเราจะงดให้ปุ๋ยทุกชนิดเพื่อเตรียมการเร่งดอกต่อไป
3. ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม  ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนเราจะไม่ให้น้ำต้นมะนาวเลยเพราะเป็นช่วงฤดูฝนและการทำให้ใบมะนาวร่วงในช่วงนี้จึงทำได้ยากเพราะยังมีฝนตกอยู่(ถ้าฝนเว้นช่วงก็โชคดีไป) เราจะใช้วิธีทรมานเล็กน้อยโดยใช้กรรไกรตัดปลายกิ่งต้นมะนาวประมาณ 1-2  นิ้วออกทั่วทั้งต้น  เสร็จแล้วจึงกระตุ้นด้วยปุ๋ยสูตร 12-24-12 หรือ 9-27-27 ในอัตราต้นละ 1 กิโลกรัม ปุ๋ยดังกล่าวมีธาตุฟอสฟอรัสสูงจึงสามารถเร่งการออกดอกของมะนาวได้และให้เริ่มรดน้ำอย่าให้ขาด ประมาณ 14-21 วัน  มะนาวจะเริ่มผลิใบและดอกออกมา หลังจากนั้นจึงใส่ปุ๋ยบำรุงต้นมะนาวเพื่อเร่งให้ผลมะนาวโต จากนั้นดอกมะนาวจะค่อย ๆ เจริญเติบโตกลายเป็นผล จนสามารถเก็บจำหน่ายผลได้ในช่วงฤดูแล้งซึ่งตรงกับช่วงที่มะนาวมีราคาแพงพอดี

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

การปลูกมะนาวในเข่งหรือหลัว

ข้อดีของการปลูกมะนาวในเข่งหรือหลัว
     ในการปลูกมะนาวโดยภาพรวมแล้วในการปลูกลงดินนับว่าดีที่สุดแต่สำหรับบางคนที่มีข้อจำกัดหรือเหตุผลบางประการ การปลูกในเข่งพลาสติกก็นับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย หลังจากที่ผู้เขียนได้ทดลองปลูกมะนาวด้วยเข่งมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เห็นว่าการปลูกต้นไม้ด้วยเข่งน่าจะนำไปใช้กับต้นไม้ได้หลายๆอย่าง เนื่องจากคุณสมบัติของการปลูกต้นไม้ด้วยเข่ง มีข้อดีหลายประการดังนี้

ประการแรก ใช้พื้นที่น้อย ซึ่งในเรื่องนี้น่าจะเหมาะกับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด เพราะการปลูกในเข่งเราจะใช้พื้นที่น้อยกว่าการปลูกโดยปกติ สามารถที่จะปลูกในระยะชิดโดยที่รากไม่ไปรบกวนซึ่งกันและกัน

ประการที่สอง การปลูกมะนาวในเข่งจะทำให้เจริญเติบโตได้เร็วกว่าปลูกลงดิน เพราะดินปลูกมีความร่วนซุย และ โปร่ง ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าในการปลูกลงเข่งนั้นดินที่ใช้ปลูกหรือวัสดุปลูกนั้นเราจะปรุงขึ้นมาใหม่ทั้งหมดทำให้ดินเหมาะสมกับมะนาวและอีกประการหนึ่งการปลูกในเข่งเจะสามารถระบายอากาศได้ดี รากพืชจึงสามารถดึงเอาธาตที่มีประโยชน์ในอากาศไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ทำให้รากพืชหาอาหารได้ดี

ประการที่สาม ให้ผลผลิตเร็วกว่าการปลูกลงดิน อาจจะเนื่องมาจากการปลูกในเข่งจะทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดี เมื่อต้นไม้มีความสมบูรณ์จึงมีความพร้อมในการให้ผลผลิต จึงทำให้ได้ผลผลิตเร็วแต่ผู้ปลูกต้องคำนึงถึงขนาดของต้นไม้ด้วย เพราะบางทีต้นไม้เรายังมีขนาดเล็กแต่ติดผลมากเกินไป ก็จะทำให้ผลเล็กหรือไม่สมบูรณ์ เราต้องจำกัดปริมาณให้เหมาะสมด้วย เพื่อคุณภาพของผลผลิต

ประการที่สี่ การปลูกต้นในเข่งจะให้ความสะดวกในการดูแลรักษา ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันและกำจัดโรค แมลง วัชพืช และการห่อผลง่าย โดยเฉพาะโรคทางดิน การปลูกในเข่งจะสามารถช่วยได้เป็นอย่างมาก

ประการที่ห้า ในเรื่องการบังคับออกดอกติดผล ควบคุมคุณภาพ และรสชาติได้ ดีกว่าปลูกลงดิน ไม่ว่าจะเป็นการผลิตในฤดูหรือนอกฤดู เนื่องจากเราสามารถควบคุมปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย น้ำ หรืออื่นๆ ทำให้เราสามารถกำหนดรูปแบบได้ตามต้องการได้

ประการที่ห้า การปลูกในเข่งหรือภาชนะอื่นๆ จะทำให้เรามีความสะดวกในการเคลื่อนย้าย สามารถเคลื่อนย้ายไปวางไว้ที่ใหนก็ได้ แม้กระทั่งเราจะปลูกไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่จะต้องปลูกลงดินจึงจะได้ผล ผมก็อยากเสนอแนะว่าในช่วงแรกเราควรเลี้ยงในเข่งไว้ก่อน พอเมื่อรากเดินดีจนเต็มเข่งแล้วจึงย้ายไปปลูกลงดิน ซึ่งก็จะช่วยย่นระยะเวลาในการปลูกและได้ผลเร็ว สำหรับเข่งเราก็สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกเราอาจจะลงทุนมากในระยะแรกเท่านั้น แต่ถ้าเรามาคิดต้นทุนในการดูแลกับผลผลิตที่ได้รับเปรียบเทียบกันระหว่างการปลูกลงดินกับการปลูกลงเข่งก่อน ซึ่งการปลูกลงเข่งย่อมดีกว่าแน่นอน หรือสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจขายต้นไม้ก็สามารถยกขายทั้งเข่งได้เลย โดนเฉพาะต้นไม้ที่สามารถให้ผลเร็ว เช่น มะนาว ฝรั่ง ฯลฯ หากมีลูกอยู่ด้วยยิ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้ซื้อ

ประการที่หก เนื่องจากโดยส่วนมากแล้วสำหรับชาวสวนที่ปลูกมะนาวมักจะต้องการขายผลผลิตในราคาที่แพง ดังนั้นการทำนอกฤดูจึงเป็นความต้องการของชาวสวน ซึ่งโดยส่วนมากแล้วจึงใช้วิธีปลูกในวงบ่อซีเมนต์ ขนาดตั้งแต่ ๘๐ ซม. ขึ้นไปซึ่งเฉพาะค่าอุปกรณ์ในการปลูกก็ต้องใช้งบประมาณไม่น้อยกว่าสามร้อยบาท แต่ถ้าหากว่าเราใช้เข่งขนาดเส้นศูนย์กลาง เท่ากันก็จะทำให้เราลดงบประมาณลงมาครึ่งหนึ่งเป็นอย่างต่ำ

วิธีการปลูก
สำหรับวิธีการปลูกนั้น ก็ไม่แตกต่างกับการปลูกในวงบ่อซีเมนต์แล้วแต่สูตรของเกษตรกรแต่ละคน สำหรับวิธีของบ้านสวนจันทร์ริมบึง จะมีวิธีการปลูก ดังนี้
๑. ภาชนะปลูก เราจะใช้เข่งพลาสติกสีดำเบอร์ ๔ (สีดำจะราคาถูกกว่าสีอื่น) ขนาด ๔๒+๓๒+๑๙ ซม.
๒. ดินปลูก ใช้ดินขุยไผ่และใบไผ่แห้ง ๒ ส่วน หน้าดิน ๒ ส่วน มูลใส้เดือน ๑ ส่วน ผสมให้เข้ากัน ใช้เป็นดินปลูก
๓. ระยะการปลูก ระหว่างต้น ๒ เมตร โดยจะปลูกพืชผักสวนครัวแซมระหว่างต้น เช่น พริก มะเขือ ข่า ตระไคร้ ระหว่างแถว ๔ เมตร และจะปลูกพืชพี่เลี้ยงแซม ได้แก่ มะละกอ และกล้วย
๔. ระบบน้ำจะใช้มินิสปริงเกอร์ โดยให้หัวสปริงเกอร์สูงกว่าต้นไม้ เพื่อจะให้การให้น้ำ ยา และปุ๋ย ใช้ร่วมกันได้
๕. การบำรุง ดูแล จะเป็นระบบเกษตรอินทรีย์ โดยหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี

          สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ โทร. 083-008-7986



มะนาว “แป้นสุขประเสริฐ”

แหล่งที่มาและประวัติ
 
        คุณวัง สุขประเสริฐ ได้ปรับปรุงพันธุ์โดยการผสมเกสรพันธุ์แม่ แป้นพิจิตร 1 และพันธุ์พ่อ แป้น และ ประสบความสำเร็จในการผสมพันธุ์มะนาว จึงกลายมาเป็นมะนาว แป้นสุขประเสริฐ
          โดยใน ปี พ.ศ. 2545 -2547 ได้รวบรวมพันธุ์แม่ (แป้นพิจิตร 1 เป็นของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร พิจิตร) ซึ่งมีลักษณะทนต่อโรคแครงเกอร์ แต่เปลือกหนา เมล็ดเยอะ และพันธุ์พ่อ (แป้น เป็นของเกษตรกร) ซึ่ง มีลักษณะลูกดก เปลือกบาง เมล็ดน้อย น้ำมีกลิ่นหอม แต่ไม่ทนต่อโรคแครงเกอร์
          ปี พ.ศ.2548-2556 ได้ทำการผสมพันธุ์แม่ (แป้นพิจิตร 1) และ พันธุ์พ่อ (แป้น) โดยใช้เกสรตัวผู้ จากดอกต้นพ่อพันธุ์มาติดบนเกสรตัวเมียของดอกต้นแม่พันธุ์ เมื่อผสมพันธุ์เสร็จเรียบร้อย คลุมดอกที่ผสมแล้ว ด้วยถุงพลาสติก เพื่อป้องกันการผสมเกสรที่อาจเกิดจากเกสรตัวผู้อื่น ๆ ตามธรรมชาติ และผูกป้ายแสดง หลักฐานการผสมพันธุ์ไว้ที่โคนของก้านดอกนั้น และเก็บพลาสติกที่คลุมออกเมื่อมีการผสมเกสรเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยสังเกตจากกลีบดอกร่วงหล่นหมด และขนาดของรังไข่เจริญเติบโต และเมื่อมะนาวที่ผสมเกสรออกลูก จึงได้แบ่งมะนาวจำนวน 150 ลูก ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีเมล็ด 1-4 เมล็ด/ผล ได้เมล็ด จำนวน 300 เมล็ด และกลุ่มที่มีเมล็ด 5 เมล็ด/ผล ได้เมล็ด จำนวน 300 เมล็ด
          หลังจากนั้นนำเมล็ดจากทั้งสองกลุ่มมาเพาะเป็นต้นกล้า จนอายุประมาณ 2 เดือน เริ่มทดสอบ การต้านทานโรคแครงเกอร์ โดยการสเปรย์เชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคกับต้นกล้า ปรากฏว่าต้นกล้าเมล็ดกลุ่มที่ 1 (1-4 เมล็ด/ผล) สามารถต้านทานโรค หรือไม่แสดงอาการ จำนวน 4 ต้น จากนั้นได้นำต้นกล้าที่ได้ทั้ง 4 ต้น นำไปปลูกทดสอบ โดยการปลูกในวงบ่อซีเมนต์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร สูง 50 เซนติเมตร ด้านล่างรอง วัสดุปลูก ใช้แกลบดำ 3 ส่วน ดิน 2 ส่วน ปุ๋ยคอกเก่า 1 กระสอบ/วงบ่อ วัสดุปลูกต้องคำนึงถึงการระบายน้ำดี เป็นสาคัญ ช่วงแตกใบอ่อน มีการป้องกันแมลงไม่ให้รบกวน ปัจจุบันต้นมะนาวแป้นสุขประเสริฐให้ผลผลิต และคัดเลือกสายพันธุ์มะนาวที่มีลักษณะตรงความต้องการ ทนโรค มีเปลือกบาง เมล็ดน้อย จนได้มะนาวชื่อว่า แป้นสุขประเสริฐ
          ปี พ.ศ. 2557 -2558 ทดสอบความพึงพอใจของผู้บริโภค โดยให้แม่ค้าส้มตาทดลองใช้และบอก ถึงคุณภาพ และนาเข้าโรงรับซื้อมะนาว ซึ่งปรากฏว่าเป็นที่น่าพอใจ

ลักษณะประจำพันธุ์ทางพฤกษศาสตร์
ชนิดพืช/ประเภท ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ชื่อวิทยาศาสตร์ Citus aurantiifolia (Christm.) Swingle อยู่ในวงศ์ Rutaceae

ต้น ทรงต้นมีลักษณะเป็นพุ่ม สูงประมาณ 2-4 เมตร ลำต้นสีเทาแกมน้ำตาล มีหนามแหลมบริเวณกิ่งอ่อนและซอกใบ




ใบ เป็นใบประกอบชนิดใบย่อยหนึ่งใบ สีเขียวอ่อน รูปร่างใบเป็นรูปไข่ ยาวรี ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเล็กน้อย ขนาดใบกว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 4-8 เซนติเมตร เนื้อใบมีต่อมน้ำมันกระจาย (oil grand) ก้านใบสั้น



ดอก ช่อดอกประกอบด้วยดอกเดี่ยวสีขาว เกิดที่ซอกใบ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ร่วงง่าย






ผล มีลักษณะค่อนข้างกลมแป้น มีตุ้มเล็ก ๆ ที่ปลายผล ผิวผลขรุขระมีต่อมน้ามัน เมื่อสุกจะมีสีเหลือง เนื้อข้างในมีลักษณะเป็นกลีบหลายกลีบบรรจุถุงเยื่อบาง ๆ ขนาดเล็กจำนวนมาก ฉ่ำน้ำ มีสีเหลืองอ่อน รสเปรี้ยว มีเมล็ดขนาดเล็กคล้ายรูปกระสวย หัวและท้ายแหลม เนื้อในเมล็ดสีขาว



ลักษณะเด่นพิเศษ เมล็ดน้อย ทนโรค เปลือกบาง น้ำมีกลิ่นหอม


          จากคุณลักษณะเด่นของมะนาวแป้นสุขประเสริฐดังกล่าวข้างต้น ที่ "เมล็ดน้อย ทนโรค เปลือกบาง น้ำมีกลิ่นหอม" รวมทั้งที่มีความทนทานต่อโรคแครงเกอร์มากกว่ามะนาวแป้นพันธ์อืน ๆ อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นปัญหาหนักอกของผู้ปลูกมะนาวทุกสวน ตลอดจนการยอมรับในชื่อเสียงของผู้พัฒนาพันธ์ คือ อ.วัง สุขประเสริฐ ทางบ้านสวนจันทร์ริมบึง อ.มะขาม จ.จันทบุรี จึงมั่นใจในมะนาวพันธ์นี้เป็นอย่างมาก จึงได้นำมาปลูกเป็นพืชหลักของสวนเป็นจำนวนมาก ทั้งๆที่ในช่วงนี้กิ่งพันธ์จะมีราคาแพงมาก กว่าพันธ์อื่น ๆ ทุกสายพันธ์ แต่ด้วยความมั่นใจในคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้น ที่คิดว่าจะต้องให้ผลคุ้มค่าอย่างแน่นอนจึงได้ตัดสินใจใช้มะนาว "แป้นสุขประเสริฐ" ให้เป็นพืชหลักของสวน นอกจากจะมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการผลิตมะนาวที่มีคุณภาพป้อนสู่ตลาดแล้ว ทางสวนของเรายังได้ผลิตกิ่งพันธ์ทั้งประเภทกิ่งตอน กิ่งเสียบยอด ไว้บริการแก่ผู้ที่สนใจไว้เป็นจำนวนมาก ในราคาที่เหมาะสม สำหรับท่านที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติม และสั่งจอง ได้ โทร. 083-008-7986