ข้อดีของการปลูกมะนาวในเข่งหรือหลัว
ในการปลูกมะนาวโดยภาพรวมแล้วในการปลูกลงดินนับว่าดีที่สุดแต่สำหรับบางคนที่มีข้อจำกัดหรือเหตุผลบางประการ การปลูกในเข่งพลาสติกก็นับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย หลังจากที่ผู้เขียนได้ทดลองปลูกมะนาวด้วยเข่งมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เห็นว่าการปลูกต้นไม้ด้วยเข่งน่าจะนำไปใช้กับต้นไม้ได้หลายๆอย่าง เนื่องจากคุณสมบัติของการปลูกต้นไม้ด้วยเข่ง มีข้อดีหลายประการดังนี้
ประการแรก ใช้พื้นที่น้อย ซึ่งในเรื่องนี้น่าจะเหมาะกับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด เพราะการปลูกในเข่งเราจะใช้พื้นที่น้อยกว่าการปลูกโดยปกติ สามารถที่จะปลูกในระยะชิดโดยที่รากไม่ไปรบกวนซึ่งกันและกัน
ประการที่สอง การปลูกมะนาวในเข่งจะทำให้เจริญเติบโตได้เร็วกว่าปลูกลงดิน เพราะดินปลูกมีความร่วนซุย และ โปร่ง ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าในการปลูกลงเข่งนั้นดินที่ใช้ปลูกหรือวัสดุปลูกนั้นเราจะปรุงขึ้นมาใหม่ทั้งหมดทำให้ดินเหมาะสมกับมะนาวและอีกประการหนึ่งการปลูกในเข่งเจะสามารถระบายอากาศได้ดี รากพืชจึงสามารถดึงเอาธาตที่มีประโยชน์ในอากาศไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ทำให้รากพืชหาอาหารได้ดี
ประการที่สาม ให้ผลผลิตเร็วกว่าการปลูกลงดิน อาจจะเนื่องมาจากการปลูกในเข่งจะทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดี เมื่อต้นไม้มีความสมบูรณ์จึงมีความพร้อมในการให้ผลผลิต จึงทำให้ได้ผลผลิตเร็วแต่ผู้ปลูกต้องคำนึงถึงขนาดของต้นไม้ด้วย เพราะบางทีต้นไม้เรายังมีขนาดเล็กแต่ติดผลมากเกินไป ก็จะทำให้ผลเล็กหรือไม่สมบูรณ์ เราต้องจำกัดปริมาณให้เหมาะสมด้วย เพื่อคุณภาพของผลผลิต
ประการที่สี่ การปลูกต้นในเข่งจะให้ความสะดวกในการดูแลรักษา ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันและกำจัดโรค แมลง วัชพืช และการห่อผลง่าย โดยเฉพาะโรคทางดิน การปลูกในเข่งจะสามารถช่วยได้เป็นอย่างมาก
ประการที่ห้า ในเรื่องการบังคับออกดอกติดผล ควบคุมคุณภาพ และรสชาติได้ ดีกว่าปลูกลงดิน ไม่ว่าจะเป็นการผลิตในฤดูหรือนอกฤดู เนื่องจากเราสามารถควบคุมปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย น้ำ หรืออื่นๆ ทำให้เราสามารถกำหนดรูปแบบได้ตามต้องการได้
ประการที่ห้า การปลูกในเข่งหรือภาชนะอื่นๆ จะทำให้เรามีความสะดวกในการเคลื่อนย้าย สามารถเคลื่อนย้ายไปวางไว้ที่ใหนก็ได้ แม้กระทั่งเราจะปลูกไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่จะต้องปลูกลงดินจึงจะได้ผล ผมก็อยากเสนอแนะว่าในช่วงแรกเราควรเลี้ยงในเข่งไว้ก่อน พอเมื่อรากเดินดีจนเต็มเข่งแล้วจึงย้ายไปปลูกลงดิน ซึ่งก็จะช่วยย่นระยะเวลาในการปลูกและได้ผลเร็ว สำหรับเข่งเราก็สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกเราอาจจะลงทุนมากในระยะแรกเท่านั้น แต่ถ้าเรามาคิดต้นทุนในการดูแลกับผลผลิตที่ได้รับเปรียบเทียบกันระหว่างการปลูกลงดินกับการปลูกลงเข่งก่อน ซึ่งการปลูกลงเข่งย่อมดีกว่าแน่นอน หรือสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจขายต้นไม้ก็สามารถยกขายทั้งเข่งได้เลย โดนเฉพาะต้นไม้ที่สามารถให้ผลเร็ว เช่น มะนาว ฝรั่ง ฯลฯ หากมีลูกอยู่ด้วยยิ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้ซื้อ
ประการที่หก เนื่องจากโดยส่วนมากแล้วสำหรับชาวสวนที่ปลูกมะนาวมักจะต้องการขายผลผลิตในราคาที่แพง ดังนั้นการทำนอกฤดูจึงเป็นความต้องการของชาวสวน ซึ่งโดยส่วนมากแล้วจึงใช้วิธีปลูกในวงบ่อซีเมนต์ ขนาดตั้งแต่ ๘๐ ซม. ขึ้นไปซึ่งเฉพาะค่าอุปกรณ์ในการปลูกก็ต้องใช้งบประมาณไม่น้อยกว่าสามร้อยบาท แต่ถ้าหากว่าเราใช้เข่งขนาดเส้นศูนย์กลาง เท่ากันก็จะทำให้เราลดงบประมาณลงมาครึ่งหนึ่งเป็นอย่างต่ำ
วิธีการปลูก
สำหรับวิธีการปลูกนั้น ก็ไม่แตกต่างกับการปลูกในวงบ่อซีเมนต์แล้วแต่สูตรของเกษตรกรแต่ละคน สำหรับวิธีของบ้านสวนจันทร์ริมบึง จะมีวิธีการปลูก ดังนี้
๑. ภาชนะปลูก เราจะใช้เข่งพลาสติกสีดำเบอร์ ๔ (สีดำจะราคาถูกกว่าสีอื่น) ขนาด ๔๒+๓๒+๑๙ ซม.
๒. ดินปลูก ใช้ดินขุยไผ่และใบไผ่แห้ง ๒ ส่วน หน้าดิน ๒ ส่วน มูลใส้เดือน ๑ ส่วน ผสมให้เข้ากัน ใช้เป็นดินปลูก
๓. ระยะการปลูก ระหว่างต้น ๒ เมตร โดยจะปลูกพืชผักสวนครัวแซมระหว่างต้น เช่น พริก มะเขือ ข่า ตระไคร้ ระหว่างแถว ๔ เมตร และจะปลูกพืชพี่เลี้ยงแซม ได้แก่ มะละกอ และกล้วย
๔. ระบบน้ำจะใช้มินิสปริงเกอร์ โดยให้หัวสปริงเกอร์สูงกว่าต้นไม้ เพื่อจะให้การให้น้ำ ยา และปุ๋ย ใช้ร่วมกันได้
๕. การบำรุง ดูแล จะเป็นระบบเกษตรอินทรีย์ โดยหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี
สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ โทร. 083-008-7986
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น